6 เทคนิคมัดใจลูกน้อง ที่เจ้าของกิจการต้องรู้!

การที่บริษัทหรือองค์กรจะเติบโตและประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งไอเดียธุรกิจ แผนการทำธุรกิจ เงินลงทุน และการมีผู้นำและผู้ตามที่ดี เจ้าของกิจการต้องมีวิสัยทัศน์ของผู้นำที่ดี มองเห็นความสำคัญของลูกน้อง พร้อมที่จะพัฒนาบุคคลในองค์กรให้มีศักยภาพในการทำงานที่ดีขึ้น เพราะเมื่อผู้นำดี มัดใจลูกน้องได้ แน่นอนว่าลูกน้องก็พร้อมที่จะเป็นผู้ตามที่ดีเช่นกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความเจริญก้าวหน้าในบริษัท แต่การจะเป็นหัวหน้าที่ดีโดนใจลูกน้อง จนเกิดเป็นทีมที่แข็งแกร่งได้นั้นต้องทำยังไง? ใจดีเกินไปลูกน้องก็จะไม่เคารพ หรือเด็ดขาดจริงจังมากไปลูกน้องก็กลัวจนไม่อยากร่วมงานด้วย วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็น Super Boss สุดยอดหัวหน้าที่ไม่ว่าลูกน้องระดับไหนก็อยากร่วมงานด้วยมาฝากกัน

1. มีความเป็นผู้นำ กล้าคิดกล้าทำ

การจะเป็นผู้นำที่ดีได้ สิ่งแรกคุณต้องแสดงพลังความมุ่งมั่นทุ่มเทในตัวคุณออกมาให้ลูกน้องได้รับรู้ เพราะการจะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแน่นอนว่าต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย การที่เจ้าของกิจการแสดงให้ลูกน้องได้เห็นถึงความตั้งใจจริง มีวิสัยทัศน์ของผู้นำออกมาอย่างชัดเจนในทุกๆ การทำงาน ก็จะทำให้ลูกน้องเชื่อมั่นว่า คุณคือผู้นำที่จะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างราบรื่น ประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในบริษัทได้อย่างมั่นคง

2. ต้องไม่มีลูกน้องคนโปรด

เจ้านายที่ดีคือต้องมีความยุติธรรมและปฏิบัติกับพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียม การเลือกปฏิบัติเป็นอาวุธร้ายแรงที่ทำลายกำลังใจของพนักงานส่วนใหญ่ หากเจ้าของกิจการแสดงออกว่ามีพนักงานคนโปรด พนักงานคนอื่นอาจจะรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับความยุติธรรมและไม่อยากจะทุ่มเททำงานให้คุณอีกต่อไป ดังนั้นรักษาระยะความสัมพันธ์กับลูกน้องให้เหมาะสมและเมื่อต้องตัดสินใจปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคน การลงโทษหรือให้รางวัลต้องพิจารณาตามศักยภาพและเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ความชอบส่วนตัว เพราะไม่มีใครชอบเจ้านายที่ไม่ยุติธรรมหรือลำเอียงแน่ๆ

3. สั่งงานชัดเจนไม่กลับไปกลับมา

การต้องแก้ไขงานบ่อยๆ หรือปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานไปมา เพียงเพราะความไม่ชัดเจนทางความคิดของเจ้าของกิจการในเวลาสั่งงาน นอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้ว ยังบั่นทอนกำลังใจของคนทำงานและสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่เป็นมืออาชีพของคุณแก่ลูกน้องอีกด้วย ดังนั้นหากต้องการให้งานมีคุณภาพ ตรงตามต้องการ เจ้าของกิจการต้องสั่งงานให้ชัดเจน อาจยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้ลูกน้องเห็นภาพ นอกจากจะได้งานที่ดีกลับมาแล้วยังช่วยให้ลูกน้องทำงานอย่างมีเป้าหมายที่แน่นอนอีกด้วย

4. ใจกว้าง รับฟังความคิดเห็น

ยิ่งเห็นต่าง ยิ่งสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เจ้าของธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ของผู้นำ ควรเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงความคิดเห็นในการทำงานอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะช่วยพัฒนารูปแบบการทำงานและกระชับความสัมพันธ์ในองค์กรได้แล้ว ยังทำให้เกิดแนวคิดและไอเดียธุรกิจใหม่ๆ ในองค์กรอยู่เสมอ ช่วยให้ลูกน้องได้เห็นศักยภาพของตนเอง ซึ่งบางคนอาจจะทราบดีว่าตนเองมีความสามารถอะไร แต่ก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด การที่เจ้าของธุรกิจเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง จะช่วยให้พวกเขาเกิดความภาคภูมิใจและอยากที่จะพัฒนาศักยภาพที่มีให้เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลดีต่อองค์กรของคุณ

กรณีศึกษาจาก AIS

เดิมโรงอาหารของบริษัท AIS จะแยกพื้นที่ของผู้บริหาร และพื้นที่ของพนักงานออกจากกัน แต่เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรของการยอมรับและศรัทธา การแบ่งพื้นที่ได้ถูกยกเลิกไป และให้ทุกคนได้นั่งรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเท่าเทียม เป็นการทำลายกำแพง และสร้างความผูกพัน ให้สามารถพูดคุยกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น กล้าที่จะเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง จนสุดท้าย ก็สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆ ในองค์กร

“เรื่องเล็กๆ ในองค์กร แต่กลายเป็นการพัฒนาคนจากรุ่นสู่รุ่น เพราะผู้บริหารไม่ได้มีหน้าที่แค่บริหารงาน แต่ต้องรับผิดชอบเตรียมคนรุ่นต่อไปขึ้นมาแทนที่ ซึ่งคนรุ่นใหม่มีความสามารถแต่ยังขาดประสบการณ์ การหลอมรวมคนรุ่นเดิมกับคนรุ่นใหม่ จะทำให้องค์กรได้ประโยชน์ และส่งต่อไปถึงผู้บริโภค”- คุณกานติมา เลอเลิศยุติธรรม Chief Human Resources Officer บริษัท Advance Info Service Co.,Ltd.

5. สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วม

ลูกน้องส่วนใหญ่มักจะประทับใจและให้ความร่วมมือในการทำงานอย่างสุดความสามารถ หากเจ้าของกิจการเห็นความสำคัญและทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจของบริษัทให้เติบโต ดังนั้นทุกครั้งที่มีความสำเร็จเกิดขึ้นในองค์กร เจ้าของกิจการควรให้เครดิตว่าเกิดขึ้นจากพนักงานทุกคนร่วมมือกัน ไม่ใช่เพราะการบริหารงานที่ดีของเจ้านายเพียงคนเดียว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีในองค์กรได้แบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

6. พร้อมสนับสนุนลูกน้องให้พัฒนาตนเอง

การจะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้ แน่นอนว่าพนักงานจะต้องได้รับการสนับสนุนให้มีศักยภาพการทำงานที่ดีขึ้นด้วย หากเจ้าของกิจการพร้อมลงทุนในการพัฒนาบุคคลในบริษัทให้ได้รับความรู้ ทักษะ และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสามารถนำมาปรับใช้และพัฒนาธุรกิจของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าได้มากยิ่งขึ้น นอกจากบริษัทจะได้บุคลากรที่มีคุณภาพมาร่วมงานแล้ว ยังทำให้พนักงานรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองที่เจ้าของกิจการมองเห็นและให้การสนับสนุน พนักงานจะรู้สึกว่าการทำงานกับคุณทำให้พวกเขาเก่งขึ้นและพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งองค์กรดีๆ แบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากจะอยู่ทำงานด้วยาวๆ ทั้งนั้น

กรณีศึกษาจาก ปตท.

บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทอันดับแรกๆ ที่ทั้งเด็กจบใหม่และคนวัยทำงานต่างใฝ่ฝันอยากเข้าทำงานที่นี่ เพราะนอกจากสวัสดิการที่ดีมากแล้ว ปตท.ยังเน้นการพัฒนาบุคคลในองค์กรอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

“ทุก 1 ปีจะมีการประเมินพนักงาน คุยว่ายังมีช่องว่างอะไรอีกบ้าง ทุกคนจึงต้องสร้างแผนในการพัฒนาตัวเอง แล้วส่งไปยังฝ่าย HR เพื่อดูว่าแต่ละคนควรเพิ่มหลักสูตรในการพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง ตรงนี้นอกจากจะเป็นการอุดช่องว่าง และพัฒนาขีดความสามารถเฉพาะบุคคล หรือ IDP (Individual Development Program) เรายังมีระบบแจ้งกลับอีกด้วยว่าจะต้องเรียนอะไรเพิ่มเติม ซึ่งเรามีหลักสูตรที่อบรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศมากมาย” – คุณกฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

Key Take Away

ปัญหา Turn Over คงไม่มีองค์กรไหนอยากจะเจอ มาลองใช้ 6เทคนิคมัดใจลูกน้องที่จะช่วยให้พนักงานรักองค์กรมากขึ้นดู

  1. มีความเป็นผู้นำ กล้าคิดกล้าทำ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกน้องว่าองค์กรนี้มีอนาคตเพราะเจ้าของกิจการมีวิสัยทัศน์ผู้นำที่ดี
  2. ต้องไม่มีลูกน้องคนโปรด ทุกคนจะได้รับความยุติธรรมในการทำงาน เพื่อให้ลูกน้องรู้สึกว่าทุกการทุ่มเทของพวกเขาหัวหน้ามองเห็น
  3. สั่งงานชัดเจนไม่กลับไปกลับมา เพราะนอกจากเสียเวลายังทำให้ภาพลักษณ์ของหัวหน้าดูแย่อีกด้วย
  4. ใจกว้าง รับฟังความคิดเห็น จะช่วยพัฒนาธุรกิจให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ และได้ใจลูกน้องไปเต็มๆ
  5. สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วม จะช่วยสร้างความผูกพันธ์กับองค์กร ลูกน้องรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองต่อองค์กรที่ทำงานอยู่
  6. พร้อมสนับสนุนลูกน้องให้พัฒนาตนเอง นอกจาองค์กรจะได้ประโยชน์แล้ว ยังซื้อใจลูกน้องให้อยากทำงานต่อแบบยาวๆ อีกด้วย

Passion in this story