ในยุคนี้ไม่ว่าใครก็อยากทำอาชีพอิสระ อยากเป็นเจ้านายตัวเองกันทั้งนั้น แต่การจะลงทุนทำธุรกิจอะไรสักอย่างหากขาดการศึกษาข้อมูลทางการตลาดและแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค ธุรกิจที่คุณคิดจะลงทุนคงไม่ต่างจากการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำที่ต้องสูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นหากอยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องรู้จักหาข้อมูลต่างๆ ให้มาก เพราะโลกของธุรกิจและการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่างเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามาทั้งสมาร์ทโฟน อินเตอร์เน็ตและแอปพลิเคชั่นต่างๆ ทำให้การซื้อขายสามารถเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเจ้าของธุรกิจต้องวางแผนธุรกิจอย่างไรให้ตามทันการเปลี่ยนแปลง หรือต้องปรับเปลี่ยนอะไรเพื่อให้ตามทันผู้บริโภค ซึ่งสิ่งสำคัญคือการเดาทางอนาคตที่จะเกิดขึ้นให้เห็นภาพอย่างชัดเจนที่สุด เพื่อเตรียมแผนการทำธุรกิจได้อย่างตรงจุดที่สุด ดังนั้นแล้วเรามาจับตาดูเทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคตของปี 2019 กันดีกว่า

1. ธุรกิจที่ทำให้ชีวิตคนง่ายขึ้น

ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ เวลาจึงกลายเป็นสิ่งที่คนในยุคนี้ต้องการมากที่สุด และเพราะความตึงเครียดกับการใช้เวลาเช่นนี้ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถประหยัดเวลาของผู้บริโภคได้มากที่สุดจึงเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มาแรง และน่าลงทุนในปี 2019 ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรับ-ส่งสินค้าหรืออาหารต่างๆ เช่น ไลน์แมน, Food panda หรือ lalamove ในเมื่อผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายและพร้อมที่จะจ่ายเพื่อซื้อเวลาแน่นอนว่าธุรกิจ Delivery เหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้กลุ่มอาหารพร้อมทานต่างๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงเพราะผู้คนไม่มีเวลามากพอสำหรับการทำอาหาร ดังนั้นเจ้าของกิจการด้านอาหารสามารถนำเทรนด์นี้ไปต่อยอดได้ ด้วยการผลิตสินค้าพร้อมทานที่มีขนาดกำลังพอดี มีความหลากหลาย ทานง่าย หรือพกพาสะดวก ก็จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ได้แล้ว

2. ธุรกิจแนว Healthy Balance

ธุรกิจเพื่อการมีสุขภาพที่ดียังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง แนวคิดใหม่ของการใช้ชีวิตแบบ Work life balance กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคนี้ใฝ่หา เพราะถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะต้องทำงานหนักหรือใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยงแต่เรื่องสุขภาพก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยตอบโจทย์ในการมีสุขภาพที่ดีเท่านั้น แต่ต้องเป็นองค์ประกอบของทุกอย่างที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความสมดุลทั้งทางด้านการใช้ชีวิตและสุขภาพนั่นเอง โดยผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ ยิ่งถ้าหากสินค้านั้นมีการรับรองด้านสุขภาพโดยองค์กรต่างๆ ก็จะยิ่งได้รับความสนใจ เพราะกลุ่มผู้บริโภคจะอ่านข้อมูลและส่วนประกอบต่างๆ ที่เขียนไว้ที่สินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีของเจ้าของกิจการที่จะพัฒนาสินค้าของตัวเองให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น เช่น เพิ่มไลน์สินค้าเพื่อสุขภาพ หากเป็นอาหารก็ใช้การอบแทนการทอด หรือหากเป็นสินค้าอุปโภคก็อาจใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% หรือปั้นสินค้าให้เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค เป็นต้น

3. ธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ผู้บริโภคยังมองว่าการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ไกลตัว และมองว่าเป็นหน้าที่ของผู้ผลิตหรือเจ้าของธุรกิจที่จะต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งหากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่มีส่วนในการช่วยทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นในอนาคต แน่นอนว่าผู้บริโภคก็พร้อมที่จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อโลก เนื่องจากผู้คนเริ่มเห็นลัพธ์ที่ตามมาจากการใช้ทรัพยากรอย่างไร้ความรับผิดชอบ จึงทำให้มีความอ่อนไหวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงและน่าลงทุนในปี 2019 ซึ่งในการตัดสินใจซื้อสินค้านั้น ผู้บริโภคจะคำนึงถึงตั้งแต่ส่วนประกอบจนถึงบรรจุภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น อาหารหนึ่งมื้อ วัตถุดิบที่ใช้ต้องผลิตมาจากธรรมชาติ ไม่มีสารปรุงแต่ง บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้เคมี หรือใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถทดแทนและนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งเจ้าของกิจการอาจทำไม่ได้แบบ 100% แต่เพียงแค่เริ่มต้นด้วยการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือเลือกใช้ส่วนประกอบที่เป็นออร์แกนิคก็สามารถเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้แล้ว

4. ธุรกิจการท่องเที่ยวแบบส่วนบุคคล

เทรนด์ธุรกิจของปี 2019 จะให้ความสำคัญกับความต้องการส่วนบุคคลมากขึ้น จากข้อมูลของ PhocusWire, 2017 นักท่องเที่ยว 36% บอกว่าพวกเขายินดีที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ดีขึ้น ข้อมูลนี้บอกให้เจ้าของกิจการด้านธุรกิจท่องเที่ยวได้รู้ว่า นักท่องเที่ยวบางส่วนมีความต้องการที่จะได้รับบริการหรือสนใจสินค้าที่เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคล (Personalization) และผลักดันให้เกิดเทรนด์การท่องเที่ยวทางเลือกต่างๆ เพิ่มเข้ามา เช่น

  • การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Food Tourism) ที่ไม่ใช่แค่เน้นชิมของอร่อยเท่านั้นแต่อาหารในแต่ละท้องถิ่นยังเชื่อมโยงถึงวัฒนธรรมในชุมชนได้อีกด้วย
  • การท่องเที่ยวชุมชน (Community – Based Tourism) เป็นกลุ่มที่สนใจในประวัติศาสตร์ พื้นหลังของชุมชน อีกทั้งหลงใหลในความเป็นตัวตนที่แท้จริงของแหล่งท่องเที่ยวและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในชุมชนที่มีความเป็นเอกลักษณ์
  • การท่องเที่ยวแบบครอบครัว (Family Tourism) กลุ่มนี้มาเพื่อพักผ่อนและกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยมักเน้นการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางสะดวกสบายและที่พักมีความปลอดภัยเป็นสำคัญ
  • การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Ecotourism) กลุ่มนี้อาจมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้นการลดปริมาณขยะหรือจำกัดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการท่องเที่ยว หรืออาจเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาระบบนิเวศ เช่น การปลูกป่า ปลูกปะการัง ปล่อยปลา เป็นต้น

ซึ่งเทรนด์ธุรกิจท่องเที่ยวแบบนี้เจ้าของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารสามารถเพิ่มศักยภาพด้านบริการให้เฉพาะส่วนและสร้างความน่าสนใจที่ตรงเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในแต่ละกลุ่มได้มากขึ้น

5. ธุรกิจเพื่อคนสูงวัย

เพราะอีกไม่นาน 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรบนโลกนี้กำลังจะเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ดังนั้น กลุ่มผู้บริโภคที่กำลังจะมีอิทธิพลต่อตลาดในอนาคตอันใกล้นี้ก็คือ กลุ่มผู้สูงอายุนั่นเอง สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ คือ ผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ต้องการมีอายุที่ยืนยาวและใช้ชีวิตที่สงบสุข, มีความรักและคิดถึงครอบครัวอยู่เสมอ, ชอบการท่องเที่ยว,ช่างเลือก และที่สำคัญพวกเขาไม่ต้องการให้สังคมมองว่าตนเองคือคนแก่ เทรนด์การทำธุรกิจปี 2019 จึงเป็นการปรับตัวเพื่อเข้าถึงคนกลุ่มนี้ให้มากขึ้นเพราะเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีกำลังในการซื้อค่อนข้างสูง นอกจากนี้โดยส่วนมากแล้วหากพวกเขาถูกใจแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งแล้ว จะไม่คิดที่จะเปลี่ยนหรือลองสินค้าของแบรนด์อื่นอีกเลย ซึ่งปัญหาของผู้สูงอายุที่พบมาก กับสินค้าในท้องตลาดก็คือ ปัญหาเรื่องการใช้แรงในการถือของ เปิดฝาและอื่นๆ มีความต้องการตัวหนังสือขนาดใหญ่ สีสันที่ชัดเจนและอ่านง่าย ไม่ซับซ้อน หรือแม้แต่ปัญหาข้อจำกัดทางร่างกายอื่นๆ เช่น ต้องควบคุมการรับประทานอาหาร ไม่สามารถบริโภคอาหารได้หลากหลายเหมือนแต่ก่อน โดยเจ้าของธุรกิจสามารถนำข้อมูลนี้มาปรับปรุงสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ไม่ยาก

Key Take Away

  • การจะลงทุนทำธุรกิจ หรือต่อยอดธุรกิจสตาร์ทอัพที่ทำอยู่ ต้องรู้จักวางแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณรุ่งหรือร่วงในปี 2019
  • การหมั่นสังเกตพฤติกรรม หรือกระแสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ “ตามเทรนด์” แต่ยังสามารถสร้างสินค้าหรือบริการที่ “นำเทรนด์” ได้
  • โดยแนวโน้มธุรกิจที่จะมาแรงในปี 2019 ที่เจ้าของธุรกิจสามารถไปศึกษาเพิ่มเติม และมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ได้ ประกอบด้วย ธุรกิจที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น, ธุรกิจแนว Healthy Balance, ธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, ธุรกิจการท่องเที่ยวแบบส่วนบุคคล, และธุรกิจเพื่อคนสูงวัย

 

Passion in this story