ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่กำลังจะเริ่มต้นงานใหม่ หรือใครที่กำลังจะได้งานใหม่นะครับ ทุกคนได้พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้ทำในงานที่ใช่ งานที่ชอบ งานในฝัน หรืองานที่อยากจะทำ

คลาสในวันนี้ เราจะมาพูดถึงวิธีการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในงานใหม่ เพราะมีอะไรหลายต่อหลายอย่างที่มาพร้อมกับงานใหม่ ทั้งเพื่อนร่วมงานใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ความรับผิดชอบใหม่ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม เรามีทริคดี ๆ จาก Career Guide ของเว็บไซต์ Indeed.com มาแบ่งปันกัน

เริ่มต้นที่ สัปดาห์แรกของงานใหม่

เป้าหมายของสัปดาห์แรกกับงานใหม่ คือ การทำความรู้จักกับที่ทำงานใหม่ ออฟฟิศใหม่ และสร้างความประทับใจให้กับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน

  • แนะนำตัวเองให้คนอื่นรู้จัก

ในตอนนี้เราเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนอื่นอยู่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในวันแรกของงานใหม่ คือ การแนะนำตัวเราให้คนอื่นรู้จักในฐานะที่เราเป็นสมาชิกใหม่ขององค์กร และทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ ที่เรายังไม่รู้จัก หาจังหวะที่สะดวกและเหมาะสมในการแนะนำตัวนะครับ จำชื่อให้แม่น มีแพตเทิร์นในการแนะนำตัว ถ้าคนที่เราเข้าไปแนะนำดูไม่ค่อยสนใจเราก็แนะนำให้สั้นและกระชับเข้าไว้

  • ถามคำถามให้ถูกจุด

เราจะมีคำถามเกิดขึ้นในหัวมากมายเลยนะครับ ที่นี่เป็นยังไง ห้องน้ำอยู่ไหน กลางวันต้องกินข้าวที่ไหน มีอะไรให้ช่วยไหม งานนี้ต้องทำยังไง แต่เราจำเป็นจะต้องถามคำถามให้ถูกจุด ถูกเวลา ถูกกาลเทศะด้วยเช่นกัน และอย่าถามอะไรที่ไม่ make sense ถามอะไรที่มันสำคัญและเราไม่สามารถหาคำตอบเองได้ เพราะต้องบอกตัวเองไว้เสมอนะว่าทุกคนมีงานต้องทำ และอย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาไปกับคำถามของเราโดยเปล่าประโยชน์ 

  • สร้างมิตรภาพในที่ทำงาน

เมื่อเราได้แนะนำตัวกับเพื่อนร่วมแล้ว ลองชวนเขาไปกินข้าวกลางวัน หรือไปซื้อกาแฟดู ไม่ว่าจะเป็นคนที่นั่งใกล้ ๆ เรา หรือคนที่เริ่มงานใหม่เหมือนกับเรา การพัฒนาความสัมพันธ์ และมีมิตรภาพดี ๆ กับคนที่เราต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกว่า 8 ชั่วโมงเนี่ย จะช่วยทำให้เรารู้สึกสะดวกกาย สบายใจ มีความสุข และอยากจะมาทำงานในทุก ๆ เช้าอะนะครับ เพราะรู้สึกว่าที่นี่คือ comfort zone ของเรา นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่บอกว่า ความผูกพันและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน เพื่อนร่วมงานเนี่ย จะช่วยส่งเสริมให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกต่างหาก

  • ทำความคุ้นเคยกับทำงาน

ดูว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน บันได ลิฟต์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รอบ ๆ ออฟฟิศคุณอยู่ตรงไหนบ้าง และสังเกตว่ารอบ ๆ ออฟฟิศของคุณ มีอะไรอยู่บ้าง ลองขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยพาทัวร์ออฟฟิศและบริเวณรอบ ๆ ดู นอกจากจะได้รู้จักที่ ๆ คุณต้องทำงานมากขึ้นแล้ว ยังได้ทำความคุ้นเคยและสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ กับเพื่อนร่วมงานด้วยอีกต่างหาก

ใน เดือนแรกของงานใหม่

  • ทำความรู้จักทีมให้มากขึ้น

เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ กับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย แม่บ้าน พี่ยาม หรือใครก็ตามที่เราต้องเจอหน้ากันอยู่ทุกวี่ทุกวันต่อครับ และเราต้องเปิดใจอนุญาตให้คนอื่นรู้จักตัวตนของเรา เข้าถึงเราด้วยนะครับ นอกจากนี้เนี่ย ก็สังเกตวิธีการทำงาน นิสัยใจคอของคนในทีมใหม่เรา วัฒนธรรมองค์กรเป็นยังไง เรื่องราวตื้นลึกหนาบางในออฟฟิศ ใครไม่ถูกกับใคร แต่ไม่ต้องไปยุ่งกับเขานะครับ เรารู้เพื่อที่เราจะได้รู้ทิศทางลม และอยู่ในองค์กรได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรกับใครเฉย ๆ

  • จัดระเบียบและสร้างนิสัยที่ดี

งานใหม่เนี่ย เหมือนกับเราได้ชีวิตใหม่เลยนะครับ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ สลัดกิจวัตรประจำวันเก่า ๆ นิสัยเก่า ๆ ทิ้ง และลองเริ่มต้นใหม่ เพราะฉะนั้นในเดือนแรกเนี่ย ลองดูว่าเราจะสามารถจัดระเบียบชีวิตยังไงได้บ้าง ลองเช็คลิสต์ในสิ่งที่เราต้องทำ ลองจัดการเวลาใหม่ และแนวทางในการพัฒนาทักษะตัวเองใหม่

  • ถ่อมตัวและเปิดใจเข้าไว้

เราต้องยอมรับนะครับว่า เราไม่สามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วงด้วยตัวคนเดียวได้ เพราะฉะนั้นในฐานะที่เราเป็นพนักงานใหม่ สิ่งที่สำคัญ คือ การฟังมากกว่าพูด เปิดใจให้กับการทำงานใหม่ ๆ ในรูปแบบการทำงานที่แตกต่าง และในวัฒนธรรมองค์กรที่เราจำเป็นต้องปรับตัวเข้าหา ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์มามากแค่ไหน แต่ขอให้เปิดใจและถ่อมตัวเข้าไว้ก่อนนะครับ

ผ่านมาแล้ว 90 วันแรกของงานใหม่

  • ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง

ยินดีด้วยครับพี่น้อง ในขณะนี้เราทำงานมากว่า 1 เดือนแล้ว จนงานใหม่ดูเริ่มจะเก่าอีกรอบแล้ว แต่เราจะให้ความกระหายในการทำงานของเราเก่าลงตามไม่ได้นะครับ ลองตั้งเป้าหมายให้ตัวเองดู ตั้งเป้าหมายแบบเว่อ ๆ ทะเยอทะยานไปเลยก็ได้ เพราะแม้ว่าเราจะไปถึงดวงอาทิตย์ไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ได้ล่องลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาว และได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น 5555555555555 ทางที่ดีคือตั้งเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวครับ เช่น เป้าหมายระยะยาวว่าในอีก 2 ปี ชั้นจะต้องเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้า หรือในอีก 3 ปี ชั้นจะต้องมีคอนโด แต่เป้าระยะสั้นก็ต้องมีเหมือนกัน เพื่อให้เราได้ท้าทายตัวเอง ปลุกไฟในตัวเราไม่ให้มอด และเพื่อไม่ให้เราเคว้งจากเป้าหมายระยะยาว เช่น งานนี้ที่ชั้นได้รับมอบหมาย ชั้นจะทำให้หัวหน้าต้องชมชั้น เดือนนี้ชั้นจะทำยอดให้ได้สูงสุด หรือ ภายใน 3 เดือน ชั้นจะเก็บเงินให้ครบ 30,000 เป็นต้น

  • กำหนดขอบเขตการทำงาน

ในช่วงแรกของการทำงาน เราอาจจะต้องปรับตัวและทำอะไรบางอย่างที่เกินกว่าหน้าที่เราบ้าง บางทีเราอาจจะมาทำงานเร็วกว่าปกติ เลิกงานดึกกว่าคนอื่นสักหน่อย หรือทำงานทนอกเหนือจาก Job description เพราะมีคนไหว้วานให้เราช่วย ไม่แปลกครับ นี่เป็นการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมใหม่ พูดง่าย ๆ คือ เรากำลังทำตัวเพื่อให้คนอื่นยอมรับเราให้ได้ แม้ว่าเขาจะโยนงานมาให้เรา หรือเอาเปรียบเราก็ตาม แต่นี่ผ่านมา 1 เดือนแล้ว เราจึงควรกำหนดขอบเขตการทำงานของเราซะใหม่ เพื่อให้เราสามารถทำงานได้ดีที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีเวลาพักผ่อน ใช้เวลาส่วนตัวด้วย คือ รักษา Work-life balance ให้ได้ ซึ่งบางครั้งเราอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะพูดคำว่า “ไม่” ไว้บ้าง เพื่อตัวของเราเอง

  • ทบทวนตัวเอง

ในบางองค์กรอาจจะมีการทดสอบหรือฟี๊ดแบคว่า เออ ผ่านการทำงานมาสักพักแล้ว เราทำงานเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม เข้ากับองค์กร กับเพื่อนร่วมงานได้ไหม มีปัญหาอะไรรึเปล่า ซึ่งจะช่วยให้เรารู้นะครับว่าเราเดินมาถูกทางไหม ต้องพัฒนาอะไรต่อ หรือต้องปรับปรุงแก้ไขตรงจุดไหน ซึ่งถ้าไม่มีเนี่ย เราอาจจะขอให้หัวหน้างานช่วยฟี๊ดแบคให้เราสักหน่อย การทำแบบนี้เนี่ยนอกจากจะช่วยให้เรารู้ว่าจุดบกพร่องเราคืออะไร และควรแก้ไขยังไงแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถวางแผนการทำงานในอนาคต และรีเซ็ทเป้าหมายในชีวิตต่อไปได้ด้วย

  • ใจดีกับตัวเองเข้าไว้

กุญแจสำคัญของความสำเร็จในงานใหม่ที่กำลังทำอยู่ คือ ความเชื่อมั่นในตัวเอง นะครับ เชื่อและศรัทธาในความสามารถของตัวเองเข้าไว้ เพราะเราจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคมากมาย อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่เรายังทำไม่สำเร็จนะครับ แต่มาโฟกัสว่าเรามาได้ไกลแค่ไหนแล้ว และเราจะทำอะไรต่อ เพื่อพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จที่คาดหวังไว้ในอนาคต จำไว้ว่าท่ามกลางคนที่ยื่นสมัครงานที่เรากำลังอยู่นี้มากมาย เราคือคนที่ถูกเลือก เราคือคนที่ได้งานนี้ และอย่าหยุดที่จะเผชิญหน้ากับโอกาสใหม่ ๆ ในชีวิตนะครับ


Category:

Passion in this story