ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก แจ็ค หม่า เจ้าของธุรกิจพันล้าน Alibaba ที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ยอดขายทุเรียนหมอนทองไทยออนไลน์ไปยังจีน 80,000 ลูกใน 1 นาที!

ชายคนนี้เคยไม่เป็นที่ต้องการจากบริษัทใด ๆ ใบสมัครกว่า 30 บริษัทที่ส่งออกไปถูกคัดทิ้งลงถังขยะ…แล้วคุณคิดว่าอะไรที่ทำให้ชายที่เหมือนจะล้มเหลวในชีวิตการทำงานสามารถพัฒนาตัวเองจนก้าวมาเป็นเจ้าของธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ได้ในวันนี้…ตามติดจุดเปลี่ยนของชีวิต แจ็ค หม่า ไปกับเราได้ที่ Passiongen

ที่ผ่านมาหลาย ๆ คนอาจจะได้ยินชื่อ แจ๊ค หม่า กันมาบ้างไม่มากก็น้อย ในฐานะมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศจีนและเป็นเจ้าของธุรกิจเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่าง Alibaba แต่หลังจากแจ็ค หม่า ได้เข้ามาพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อร่วมลงนามเอ็มโอยู 4 ฉบับ ในไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์ขายทุเรียนหมอนทองไทยบนเว็บ Tmall ของเขาได้ 80,000 ลูกภายใน 1 นาทีแล้วนั้น เชื่อว่าตอนนี้ คนไทยน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก แจ็ค หม่า พ่อมดแห่งวงการอีคอมเมิร์ซซึ่งกว่าจะพัฒนาตัวเองมาจนถึงจุดนี้ได้ ชีวิตของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบความล้มเหลวและการโดนปฎิเสธหลายต่อหลายครั้งทั้งในชีวิตการเรียนและการทำงานไม่เคยทำให้ชายคนนี้ยกธงยอมแพ้อะไรคือจุดเปลี่ยนของชีวิต และแนวคิดแบบไหนที่ช่วยให้เขาพัฒนาตัวเองได้จนมาถึงจุดๆ นี้ มารู้จักเขาไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

แจ็ค หม่า เกิดในเมืองหางโจวประเทศจีน ซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “ทะเลสาบซีหู” เด็กหนุ่มชาวจีนผู้มี Passion ด้านภาษาอังกฤษ ในวัย 12 ปี ยอมปั่นจักรยานนานถึง 40 นาทีไปยังโรงแรมในเมืองและเสนอตัวเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับชาวต่างชาติฟรีเพื่อฝึกฝนทักษะและพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเอง

แนะนำบทความน่าอ่าน

อุปสรรคในชีวิต

ครอบครัวของเขาฐานะไม่ดีนักและถึงเขาจะเก่งภาษาอังกฤษมากแต่เพราะไม่ชอบเลขและไม่ใช่คนเรียนเก่ง แจ็ค หม่าจึงเคยสอบตกจากโรงเรียนประถมศึกษา 2 ครั้ง โรงเรียนมัธยมศึกษาอีก 3 ครั้งและผิดหวังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ละความพยายามจนสุดท้ายก็สอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยครูแห่งหางโจวได้ในที่สุดและทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษด้วยค่าตอบแทนอันน้อยนิดแต่เขาก็ทำงานที่รักอยู่นานถึง 5 ปีก่อนที่จะลาออกมาไล่ตามความฝันอีกครั้ง

จุดเปลี่ยน

ก่อนที่แจ็ค หม่าจะหุ้นกับเพื่อนเพื่อทำเว็บไซต์ Alibaba นั้นเขาได้ส่งใบสมัครงานไปยังบริษัทต่างๆ กว่า 30 แห่งและทั้งหมดปฏิเสธจะรับเขาเข้าทำงานแม้กระทั่ง KFC ที่มีผู้สมัครทั้งหมด 24 คน ทาง KFC รับเข้างานทั้งหมด 23 คน และเขาเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ถูกเลือก

กระทั่งได้เป็นล่ามในปี 2538 อาชีพที่ทำให้เขาได้เดินทางไปสหรัฐฯ และรู้จักกับอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกในระหว่างการเยี่ยมชมซิลิคอนวัลเลย์ใครจะรู้ว่านั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้อดีตครูสอนภาษาอังกฤษคนหนึ่งกลายเป็นผู้บุกเบิกตลาดออนไลน์ในจีนและเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ในจีนอีก 15 ปีต่อมาแถมยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกิจการ KFC ในจีนบริษัทที่เคยปฏิเสธรับเขาเข้าทำงานอีกด้วย!

แจ๊ค หม่า จัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่น่าทึ่งคนหนึ่งหลายคนทั่วโลกติดตามเขาทั้งจากเรื่องราวและแนวความคิดอะไรที่ทำให้แจ๊ค หม่า ประสบความสำเร็จสูงสุดถึงเพียงนี้เรามาแกะรอยแนวคิดของชายผู้ร่ำรวยคนนี้ไปพร้อม ๆ กัน

สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตด้วยแนวคิดแบบ “แจ็ค หม่า”

  • ทำความเคยชินกับการถูก”ปฏิเสธ” – แจ๊ค หม่า โดนปฏิเสธมาหลายต่อหลายครั้งแม้จะรู้สึกแย่แค่ไหนเขามักบอกตัวเองว่า “มันรู้สึกแย่เสมอเวลาถูกปฏิเสธแต่เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ย้ำกับตัวเองว่า เรายังไม่ดีพอเป็นแรงผลักดันพัฒนาตัวเราให้ดียิ่งขึ้นและหวังว่าสักวันต้องเป็นวันของเราการถูกปฏิเสธเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตและมันอาจพาเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ผมเชื่ออย่างนั้นครับ”
  • การเดินทางคือโอกาสชั้นยอด – เขาต้องการให้คนบ้านเกิดของตัวเองได้รู้ว่า “อินเทอร์เน็ต” มันสุดยอดแค่ไหน ซึ่งความคิดนี้เกิดจากตอนที่เขาค้นหาคำว่า “เบียร์” ในอินเทอร์เน็ตแล้วพบว่ามีเบียร์ที่มาจากญี่ปุ่น เยอรมันและหลายๆ ประเทศแต่กลับไม่พบเบียร์ที่มาจากจีนในการค้นหาจุดประกายให้เขาเริ่ทต้นทำเว็บไซต์ China Pages ก่อนที่จะพัฒนามาเป็น Alibaba ซึ่งการออกเดินทางทำให้ “แจ็ค หม่า” ค้นพบว่า โลกนี้มีคนรอให้รู้จักและยังมีโอกาสอีกมากมายรอให้เขาเอื้อมไปคว้ามัน
  • มี Passion และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส – เขาเป็นคนที่จริงจังและทุ่มเทกับ Passion ของตัวเองเห็นได้จากการยอมปั่นจักรยานถึง 40 นาทีไปทำงานเป็นไกด์ฟรีเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองมาแล้ว จึงไม่แปลกใจที่เขาจะยอมทุ่มเททำงานหนักในทุกๆ วันเพื่อให้ Alibaba ออกสู่ตลาดโลกให้ได้นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าในทุกวิกฤติมีโอกาสใหม่ๆ ซ่อนอยู่

“เมื่อใดก็ตามที่มีผู้คนไม่พอใจ จงมองหาโอกาสที่จะแก้ไขมัน หากที่ไหนที่มีปัญหาจะทำให้คุณสามารถจะฉวยโอกาสนี้เพื่อทำให้มันดีขึ้น ที่ใดมีปัญหาที่นั้นแหละมีโอกาส”

  • ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราเอง – แจ๊ค หม่า ถือว่าการถ่อมตนคือนิสัยอย่างหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่า Alibaba Group จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่เขากลับมองว่า พนักงานของเขาสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีก และวิธีดูว่าคนไหนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ให้เลือกดูในเวลาที่พวกเขาทำสิ่งที่ผิดพลาด เพราะคนล้มเหลวมักจะเริ่มบ่น และมักกล่าวโทษคนรอบข้าง ในขณะที่คนประสบความสำเร็จจะไม่โทษคนอื่น แต่จะหันกลับมามองตัวเอง

“หากคุณอยากเปลี่ยนโลกคุณต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้ก่อน”

  • เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและอย่าใส่ใจในคำครหาของผู้อื่น – สมัยก่อนเวลาที่ แจ็ค หม่า ไปคุยเกี่ยวกับธุรกิจ Alibaba กับคนอื่นมีหลายคนบอกว่าไอเดียนี้เป็นไอเดียที่โง่และไม่ได้เรื่องแต่มาวันนี้มีผู้ใช้งานในระบบ Alibabaถึง 800 ล้านคนและจำนวนพนักงานของเขาจาก 18 คน เพิ่มมาเป็น 2 หมื่นกว่าคนดังนั้นแล้วไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ถ้าคุณมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่
  • ยอมทิ้งโอกาสดี ๆ – หากมีคนคิดเหมือนกันถ้าหากมีข้อเสนอมาให้คุณแล้วคนส่วนใหญ่ตอบรับข้อเสนอนี้ว่ามัน “ใช่” เขาบอกว่า

“ผมจะทิ้งข้อเสนอนั้นลงถังขยะในทันทีเพราะหากมีคนที่คิดว่าข้อเสนอนี้ดีมากมายขนาดนั้น แสดงว่าต้องมีคนอื่น ๆ อีกมากเช่นกันที่กำลังทำงานนี้อยู่ และโอกาสนั้นมันก็อาจจะไม่ได้เป็นของเราแล้ว”

และนี่คือเรื่องราวของ แจ๊ค หม่า ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ Passiongen หวังว่าเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ไม่เคยยอมแพ้คนนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่มีฝันหลาย ๆ คนกล้าที่จะก้าวออกจากความกลัวและกรอบเดิมๆ ของตัวเองเพื่อทำความฝันเหล่านั้นให้เป็นจริงปิดท้ายด้วยคำพูดของ แจ็ค หม่า ต่อหนังเรื่องโปรด Forest Gump ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับการใช้ชีวิตของเขาจนประสบความสำเร็จดั่งเช่นทุกวันนี้

“แม้ Forrest อาจดูเหมือนคนโง่แต่เขาไม่เคยแคร์สายตาคนอื่น เสียงภายในจิตใจของ Forrest มักจะดังกว่าเสียงจากภายนอกและเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร และทำไปเพื่ออะไร…สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำใจสู้และไม่ยอมแพ้”

แนวคิดผู้นำ เพื่อความสำเร็จ

วิธีดูว่าคนไหนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ให้เลือกดูในเวลาที่พวกเขาทำสิ่งที่ผิดพลาด เพราะคนล้มเหลวมักจะเริ่มบ่น และมักกล่าวโทษคนรอบข้าง ในขณะที่คนประสบความสำเร็จจะไม่โทษคนอื่น แต่จะหันกลับมามองตัวเอง

นับเป็นแนวทางฝึกฝนตัวเองของแจ็คหม่าได้เป็นอย่างดี เพราะการเอาแต่เวลาที่มีไปโทษคนอื่น หรือสิ่งรอบข้างนั้น มันเป็นการกระทำที่ทำให้คุณเสียทั้งเวลา และไม่มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตัวเองสักที

Passion in this story