“เรืองโรจน์ พูนผล “ ต้นแบบของคนที่มีศักยภาพและสามารถไปไกลถึงระดับโลก แต่ไม่เคยลืมที่จะเป็นแบบอย่างผู้นำในการกลับมาสร้างและมอบกลับมามอบโอกาสดี ๆให้กับคนไทย

“กระทิง – เรืองโรจน์ พูนผล” เด็กหนุ่มชาวกำแพงเพชร ที่วัยเด็กก็ดูเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป และใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์จากซิลิคอนแวลลีย์ได้รับโอกาสเข้าทำงานในโครงการสำคัญ ๆ กับ Google เขาพัฒนาตนเองจนมีศักยภาพมากพอที่จะไปไกลในอาชีพระดับเวทีโลกเขาคือ คนไทยคนแรก ๆ ที่บุกเบิกเรื่อง Startup ขึ้นในประเทศไทยเรียกว่าเป็นไอดอลของวงการ Startup ไทยที่อนาคตสดใสในจุดที่เขาเคยก้าวไปถึงนั้นคือความฝันของใครอีกหลายคน แต่เขากลับเลือกที่จะหันมาสร้างและกลับมามอบโอกาสดี ๆให้กับคนไทยโดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนสตาร์ทอัพไทย และพยายามผลักดันคนไทยรุ่นใหม่ให้ไปไกลได้ในระดับสากล แทนที่จะดำเนินงานให้เกิดความก้าวหน้ากับตัวเองต่อไปเหมือนเดิมจนทำให้เขาถูกขนามนามว่าเจ้าพ่อสตาร์ทอัพ” อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขามีแนวคิดผู้นำเช่นนี้ มาหาคำตอบกันได้เลย

แนะนำบทความน่าอ่าน

แนวคิดผู้นำ เป้าหมายต้องใหญ่กว่าความสามารถในปัจจุบัน

กระทิง – เรืองโรจน์ พูนผล จบคณะวิศวกรรมไฟฟ้า จากรั้วจุฬา ฯ โดยได้เกียรตินิยมอันดับ 1 มาครองด้วย หลังเรียนจบก็เริ่มต้นค้นหาเป้าหมายในชีวิตของตนเองโดยเริ่มทำงานที่บริษัท P&G (Procter & Gamble) ประเทศไทยซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ในสายงานโลจิสติกส์และแวร์เฮ้าส์ ซึ่งการทำงานที่นี่ทำให้เขาได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนเองในหลาย ๆ เรื่องได้เรียนรู้เรื่องธุรกิจในหลากหลายด้าน และแน่นอนความผิดพลาดก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่นั่นยิ่งเป็นบทเรียนและบททดสอบศักยภาพความแกร่งของเขาว่าจะสมชื่อ “กระทิง” หรือไม่ และเขาก็ผ่านมาได้ทุกโปรเจคใหญ่กับ 6 ปีที่เขาทำงานอยู่ที่ P&G ก็ดูไม่มีวี่แววว่าเขาจะเข้ามาเกี่ยวของกับการสนับสนุน start up เลยแม้แต่น้อย

6 ปีใน P&G กระทิง – เรืองโรจน์ไม่ใช่เวลาที่สูญเปล่าที่ทำงานไปวัน ๆ กลับเป็นเวลาที่เต็มไปด้วยคุณภาพ การได้ทำงานในทุก ๆ แผนก ทำให้เขาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญทางความคิด เขามองไปรอบ ๆ ตัว และก็พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาล้วนเป็นผลมากจากเทคโนโลยีทั้งนั้น และโลกเปลี่ยนไปอย่างวันนี้ก็เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีทั้งสิ้น ทำให้เขาเกิดแนวคิดขึ้นมาว่า ถ้าจะเป็นผู้นำ เป้าหมายต่อไปในชีวิตเขาจะต้องใหญ่กว่าสิ่งที่เขาทำได้ในปัจจุบัน เมื่อโลกต้องเปลี่ยนเขาก็ขอมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงโลกด้วย และการจะเข้าไปใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการเปลี่ยนแปลงโลก เขาจำเป็นที่จะต้องเข้าไปที่จุดศูนย์กลางที่เป็นแหล่งสร้างเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก อย่างซิลิคอนแวลลีย์ ที่เป็นบ่อเกิดของ Tech Startup ชั้นนำของโลก แต่การจะเข้าไปที่นั่นได้ก็ต้องมีปริญญาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นใบเบิกทาง กระทิง – เรืองโรจน์จึงตัดสินใจพัฒนาศักยภาพของตนเองในเรื่องต่าง ๆให้ตนเองมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปเรียนในสแตนฟอร์ด และในที่สุดเขาก็ทำได้ นั่นจึงทำให้เขาเข้าสู่วงการ Startup มาตั้งแต่บัดนั้น

“เลี้ยงลูกให้เรียนเก่งอย่างเดียวไม่พอต้องเป็นคนดีด้วย และต้องให้ลูกรู้จักเสียเปรียบ เสียสละ อดทน ขยัน รู้จักตอบแทนบุญคุณ” ธนินท์ เจียรวนนท์

แบบอย่างผู้นำที่ภูมิใจในการสร้างโอกาสให้กับคนไทย

การเข้าไปศึกษาที่สแตนฟอร์ดนั้นทำให้กระทิง – เรืองโรจน์ให้สนใจเรื่องของ startup และนวัตกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น เขาจึงเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์จากที่นั่น เพื่อสร้างโอกาสให้ตนเองจนมีใบเบิกทางเข้าไปที่ซิลิคอนแวลลีย์ และเขาก็ได้เข้าไปทำงานกับ Google ตามที่เข้าตั้งเป้าหมายเอาไว้ 2 ปี เต็ม ๆ ที่ได้ร่วมสนุกในการทำงานกับองค์กรระดับโลกเช่นนี้ สร้างจุดเปลี่ยนให้กับเขาอีกครั้ง เพราะเขาได้เรียนรู้ว่าองค์กรเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Google ปลูกฝังให้พนักงานมีแนวคิด มีจิตวิญญาณแบบผู้นำ และจิตวิญญาณของนักสร้างสรรค์เสมอด้วยการ “ออกใบอนุญาตให้ผิดพลาดได้ไม่จำกัด ให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงาน “กล้าคิดต่าง” และรู้จักพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาตนเอง

หลังจากเก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์และแนวคิดในการทำงานจากองค์กรระดับโลกมาเต็มที่แล้ว กระทิง – เรืองโรจน์ ก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรจะออกมาทำอะไรใหม่ ๆ บ้างเพื่อสร้างแนวทางของตนเองสำหรับการเป็น Startup ที่มีศักยภาพพร้อมที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจึงได้เริ่มก่อตั้งบริษัท Startup ของตนเองซึ่งดำเนินกิจการในการพัฒนา Application แนว Location – based Social Game ซึ่งนั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาเห็นว่ายังมี startup รุ่นใหม่ของไทยอีกมากที่มีศักยภาพ แต่ขาดเงินทุนและโอกาส การมีประสบการณ์ทั้งศึกษาและทำงานอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์ ช่วยให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทำให้เขามีโอกาสเป็น startup ที่ประสบความสำเร็จ โตอย่างก้าวกระโดดได้ แต่มี startup ไทยอีกมากที่ขาดแรงสนับสนุน ทำให้ startup ไทยไม่โตอย่างที่ควรจะเป็น ฉะนั้นเขาเองมีศักยภาพในระดับหนึ่งที่จะสนับสนุน start up ไทย และเขาคือเมล็ดพันธุ์จากไทยที่ไปเติบโตงอกงามในองค์กรระดับโลกถึงเวลาที่เขาจะกลับมาบ่มเพาะและสร้างโอกาสให้กับคนไทยบ้างแล้วเขาจึงได้ลงมือก่อตั้งโรงเรียน Disrupt University สถานที่ผลิตและสนับสนุน start up ไทย อีกทั้งยังเป็นบุคคลหนึ่งที่ร่วมก่อตั้ง 500 TukTuks กองทุนที่พร้อมจะสนับสนุน start up ที่มีศักยภาพร่วมกับอเมริกา เพื่อผลักดันและสร้างโอกาสให้กับคนไทยได้เติบโตในระดับสากลอีกด้วย ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดผมจึงเคยเห็นคนที่ลำบากมามากมาย รู้ซึ้งถึงความขาดแคลนต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้กระตุ้นผมให้เกิดความฝัน ซึ่งฝันของผมก็คือ สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่ลำบากเหล่านั้น และสามารถสร้างโอกาสและสร้างอาชีพให้กับคนไทยโดยใช้ศักยภาพของการศึกษา เทคโนโลยีและจิตวิญญาณผู้ประกอบการเป็นเครื่องมือ ผมเชื่อเมื่อเป้าหมายชัด วิสัยทัศน์ก็ชัดเจน”

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ผมจึงเคยเห็นคนที่ลำบากมามากมาย รู้ซึ้งถึงความขาดแคลนต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้กระตุ้นผมให้เกิดความฝันผมเชื่อเมื่อเป้าหมายชัด วิสัยทัศน์ก็ชัดเจน”  

วันนี้ กระทิง – เรืองโรจน์ เป็นแบบอย่างของผู้นำในการสร้างโอกาสให้กับวงการสตาร์ทอัพของไทยอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว แล้วแบบอย่างของผู้นำในการสร้างโอกาสและสร้างอาชีพให้กับคนไทยในวงการธุรกิจล่ะพอจะมีบ้างหรือไม่ แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องยกให้สุดยอดนักธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จแล้วในเวทีธุรกิจระดับเอเชียอย่างเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ บุคคลที่เป็นตำนานของวงการธุรกิจเจ้าสัวธนินท์ เป็นอีกคนหนึ่งที่เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างโอกาสและสร้างอาชีพให้กับคนไทย อย่างโครงการ “ปั้นเถ้าแก่น้อยสู่เวทีโลก” ซึ่งเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุนสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ สร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีงานและอาชีพที่ดี เข้าใจหลักการทำธุรกิจอย่างรอบด้าน เพื่อการก้าวไปสู่เวทีธุรกิจระดับสากล เจ้าสัวธนินท์จึงเป็นแบบอย่างผู้นำของคนที่ประสบความสำเร็จแล้วอีกหนึ่งคนที่มีความพร้อมแล้วจึงกลับมาสร้างและมอบกลับมามอบโอกาสดี ๆให้กับคนไทย ซึ่งประเทศไทยเราต้องการคนที่มีศักยภาพและมีความเป็นผู้นำที่ดีเช่นกระทิง – เรืองโรจน์ และเจ้าสัวธนินท์มาก ๆ หากยิ่งมีมากประเทศไทยเราก็จะพัฒนาทัดเทียมกับอารยประเทศทั้งหลายได้อย่างแน่นอน

Passion in this story