เจอนี่อัพเดทพาเกาะติดเทรนด์ความยั่งยืนของวงการกีฬา และอาหารระดับโลก จะมีเรื่องราวอะไรน่าสนใจ ไปชมกันเลยครับ

สำรวจความยั่งยืนใน FIFA World Cup 2022

 เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา เราได้เห็นตัวอย่างการจัดมหกรรมกีฬาที่ตั้งใจมุ่งสู่ความยั่งยืน อย่าง Tokyo Olympic 2020 กันมาแล้ว ในปีนี้ เราจะมาเกาะติดความยั่งยืนในการแข่งขัน FIFA World Cup 2022 ที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพบ้าง

     แน่นอนว่า ตอนนี้กาตาร์กำลังจะยกระดับการแข่งขันไปอีกขั้นด้วยการมุ่งเป้าหมายสู่ความยั่งยืน เพื่อเปิดตัวศึกฟุตบอลที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแข่งขัน!   มาดูกันว่า กาตาร์กำลังทำอะไรเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการแข่งขัน FIFA World Cup 2022 ที่จะถึงนี้บ้าง

เรื่องแรก คือการทำให้สนามแข่งทั้ง 8 แห่งตั้งอยู่ใกล้กัน โดยสนามที่อยู่ห่างกันมากที่สุดนั้นอยู่ห่างกันประมาณ 75 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งแฟนบอลและนักเตะจะพักอยู่ในที่พักแห่งเดียวตลอดการแข่งขัน เพื่อให้งานมีความกระชับ และกระทัดรัดมากขึ้น

     โดยงานนี้ สนามแข่งขัน สนามฝึกซ้อม และจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ นั้นไม่ได้อยู่ห่างกันจนเกินไป จึงถือเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการบินภายในประเทศได้

    ที่สำคัญ สนามแข่งขันทุกแห่งในกาตาร์ 2022 จะได้รับการรับรองโดย Global Sustainability Assessment System (GSAS) ซึ่งระบุถึงความยั่งยืนในด้านการออกแบบ การก่อสร้าง พลังงาน และการใช้น้ำ โดยทุกสนามจะต้องได้รับดาว GSAS อย่างน้อย 4 ดวง ซึ่ง Education City Stadium และ Al Bayt Stadium เป็นสองสนามที่ได้รับการรับรองด้านความยั่งยืนด้วยดาว GSAS ถึง 5 ดวงเลยทีเดียว

    ความพิเศษของฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Stadium 974 หนึ่งใน 8 สนามที่สร้างขึ้นจากตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 974 ตู้ และโครงเหล็กแบบแยกส่วนที่ได้จากการรีไซเคิลส่วนหนึ่ง สามารถจุผู้ชมได้ 40,000 ที่นั่ง 

     มีจุดประสงค์เพื่อลดต้นทุน ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง ประหยัดพลังงาน ที่สำคัญเป็นการแก้ปัญหาสนามรกร้างราคาแพง

     เมื่อจบการแข่งขัน สนามแห่งนี้จะถูกรื้อถอน เพื่อส่งมอบให้กับประเทศด้อยพัฒนาในแอฟริกา นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในแนวทางการแข่งขันกีฬาที่ยั่งยืนให้กับการเป็นเจ้าภาพครั้งต่อๆ ไปโดยถือเป็นสนาม FIFA World Cup แบบถอดประกอบได้แห่งแรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน อีกทั้งอาจกลายเป็นต้นแบบสำหรับสนามอื่น ๆ ในอนาคต

    นอกจากนั้น การออกแบบสนาม กาตาร์ได้คำนึงถึงเรื่องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยได้เลือกเอาพันธุ์ไม้พื้นถิ่นมาปลูกไว้ในบริเวณสวน และบริเวณรอบข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดก๊าซคาร์บอนอีกด้วย

    กาตาร์ได้ตั้งมั่นว่าจะมีมาตรการแยกและจัดการกับขยะตั้งแต่การก่อสร้าง รวมถึงวางแผนจัดสรรระบบรีไซเคิลสำหรับช่วงการแข่งขันอีกด้วย

     พูดถึงด้านความยั่งยืน ทาง Supreme Committee for Delivery & Legacy ซึ่งเป็นผู้จัดจากประเทศกาตาร์ ร่วมกับ FIFA และ FIFA World Cup Qatar 2022 LLC ได้ร่วมกันจัดตั้ง Sustainable Sourcing Code หรือมาตรฐานสำหรับการจัดหาอย่างยั่งยืนทั้งสำหรับผู้ผลิตและสปอนเซอร์ของการแข่งขันด้วย

     มาที่เรื่องระบบขนส่งมวลชน กาตาร์วางแผนใช้งานรถไฟฟ้า Doha Metro ซึ่งมีระบบเบรกแบบลดคาร์บอน เพื่อรับส่งผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศในช่วงของการแข่งขัน รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าทุกแห่งยังได้รับการออกแบบและดำเนินการภายใต้การรับรองอาคารสีเขียว เพื่อให้มั่นใจถึงการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากนี้ กาตาร์ยังได้เพิ่มจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ เพิ่มบริการรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยาน รวมไปถึงรถบัสไฟฟ้าสำหรับผู้ที่จะเดินทางจากที่พักไปชมการแข่งขันด้วย

     และเนื่องจากที่พักคืออีกหนึ่งหัวใจหลักของประสบการณ์การมาเยือนกาตาร์ ทาง Qatar Green Building Council จึงได้เตรียมตัวส่งเสริมหลักปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนในภาคธุรกิจโรงแรม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้แฟนบอลได้รับประสบการณ์การเข้าพักที่ดีเหมือนเดิม

     ในการลดปริมาณคาร์บอน กาตาร์ได้วางแผนจะเปิดใช้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโดฮาไปประมาณ 80 กิโลเมตร โดยมีกำลังในการผลิตถึง 800 เมกะวัตต์ อีกด้วย

เทรนด์ Vegan มาแรง ฟาสต์ฟูด UK แห่ออกเมนูเอาใจสายกรีน

  ตอนนี้กระแส Vegan มาแรงมากในสหราชอาณาจักร ทำให้แบรนด์ฟาสต์ฟูดยักษ์ใหญ่หลาย ๆ แบรนด์ออกเมนู Vegan มาเพื่อผู้บริโภคที่ต้องการลดทานเนื้อสัตว์

     องค์กร Vegan Society เผยว่าในสหราชอาณาจักรมีผู้ทานวีแกนอยู่ราว 6 แสนคนในปัจจุบัน ซึ่งเพิ่มมากขึ้นจากปี 2014 ถึง 4 เท่า โดยผู้คนส่วนใหญ่มีความสนใจในการลดการทานเนื้อสัตว์เพื่อสุขภาพ สวัสดิภาพสัตว์ และสิ่งแวดล้อม 

     วันนี้เราจะมาพูดถึงเมนู Vegan ของ 2 แบรนด์ใหญ่ แบรนด์แรกคือ McDonald’s ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปล่อยตัวเบอร์เกอร์เนื้อจากพืชชื่อว่า “P.L.T. Burger” และ McPlant และมีการนำร่องจำหน่ายจริงแล้วในบางประเทศ

    ล่าสุด McDonald’s ประกาศว่าเมนูเบอร์เกอร์ McPlant กำลังจะถูกจำหน่ายในทุกสาขาทั่วสหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์

    ในเมนูเบอร์เกอร์วีแกน McPlant ประกอบไปด้วยขนมปัง ชีสวีแกน ซอสต่างๆ และเนื้อจากพืชที่พัฒนาโดย Beyond Meat โดยเมนูนี้ได้การรับรองเป็นอาหารวีแกนจาก Vegetarian Society

    และอีกแบรนด์ที่น่าสนใจก็คือ Burger King ที่เตรียมเปิดตัวนักเก็ตแบบใหม่ ที่ทำมาจากถั่วเหลืองและโปรตีนจากพืช ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์กร Vegan Society เช่นกัน

    โดยก่อนหน้านี้ Burger King เองก็ได้ออกตัวเบอร์เกอร์ Rebel Whopper ที่เป็นเมนูเนื้อสัตว์จากพืชเมื่อ 2 ปีก่อน อย่างไรก็ตามเมนูนี้ไม่เหมาะกับวีแกน เนื่องจากอาหารนี้ถูกปรุงในเตาเดียวกับเมนูเนื้อสัตว์อื่นๆ ต่อมาก็ได้ปล่อยตัว Vegan Royale burger เนื่องจากมีความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น

   ซึ่ง Burger King มีเป้าหมายที่จะทำให้ 50% ของเมนูในร้านเป็นอาหารไร้เนื้อสัตว์ เพราะจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ 41% เลยทีเดียว

Passion in this story