เราสามารถพบความยั่งยืนได้จากทุกสิ่งรอบตัว และถ้าย้อนไปดูสถาปัตยกรรมเก่าแก่ อาจพบว่าหลักการอาศัยธรรมชาติที่มีมาแต่โบราณก่อให้เกิดความยั่งยืน

สถาปนิกสเปน ร่วมคืนชีวิตให้โบสถ์ San Juan de Ruesta

San Juan de Ruesta คือ โบสถ์หินที่ตั้งอยู่บนเส้นทาง Aragonés หนึ่งในเส้นทางย่อยของ Camino de Santiago เส้นทางแสวงบุญของชาวคริสต์ในยุคกลาง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO 

   ในอดีต สถานที่แห่งนี้เคยเป็นอาศรม ที่ได้จัดเก็บภาพวาดยุคโรมาเนสก์ (Romanesque) จากคริสต์ศตวรรษที่ 12 แต่ถูกปล่อยร้าง หลังจากที่งานศิลปะถูกขนย้ายออกไป

   ในโปรเจกต์ฟื้นฟูอาคารครั้งล่าสุด สถาปนิกในสเปนจาก Sebastián Arquitectos ได้ช่วยคืนชีวิตให้แก่โบสถ์ San Juan de Ruesta ซึ่งเดิมทีเหลือเพียงแต่ซากกำแพงหินบางส่วนเท่านั้น โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเป็นการคืนสภาพ เพื่อให้ศาสนสถานแห่งนี้มีขนาดเท่า ๆ กับของเดิม

   โดยพวกเขาได้เลือกต่อเติมกำแพงอาคารส่วนที่ขาดหายไป ด้วยบล็อกหินสีนวลตา ซึ่งถูกจัดวางเรียงกันไว้ในลักษณะ ที่ทำให้เกิดลวดลายของเส้นแนวนอนสีเข้ม ถือเป็นส่วนต่อเติม ที่มอบความแตกต่างให้กับตัวอาคารโดยรวม แต่ก็ไม่ได้ดูโดดเด่นจนขัดกับองค์ประกอบรอบข้างจนเกินไป

   อีกหนึ่งความพิเศษคือ บล็อกหินเหล่านี้มีรูเล็ก ๆ เพื่อให้โครงสร้างใหม่ได้สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของ putlog (รูบนกำแพงเพื่อเสียบแท่งไม้สำหรับนั่งร้าน) ที่อยู่บนกำแพงทรงครึ่งวงกลม ทางฝั่งขวาสุดของอาคาร ทำให้ในตอนกลางวัน แสงสามารถสาดส่องเข้ามาในตัวโบสถ์ผ่านรูเล็ก ๆ และในตอนกลางคืน ไฟภายในตัวอาคารก็จะส่องสว่างผ่านรูเหล่านี้ออกไป

   นอกจากนี้ สถาปนิกยังได้ฟื้นฟูทางเท้า และนำหินจากซากปรักหักพังมาเรียงกันเป็นเส้นตรงหลายแถว เพื่อเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้แวะเข้ามาชม และหวนระลึกถึงอาศรม San Juan de Ruesta หลังเก่าอีกครั้ง

‘Headwaters Eco-lodge’ โรงแรม net-positive แห่งแรกของนิวซีแลนด์

มารู้จักกับ ‘Headwaters Eco-lodge’ ณ Camp Glenorchy โรงแรม net-positive แห่งแรกของนิวซีแลนด์ ที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขา Humboldt และภูเขา Richardson ห่างออกไปจากเมือง Queenstown ประมาณ 40 นาที

     Headwaters เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2018 ในฐานะโรงแรมยั่งยืนสไตล์ Rustic ที่ถูกออกแบบ และได้รับการก่อสร้างตามมาตรฐาน Living Building Challenge (LBC) โดยยึดถือคอนเซ็ปต์ที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า โรงแรมแห่งนี้มีความใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และมีการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

    สำหรับ eco-lodge แต่ละหลัง พวกเขาได้เลือกใช้วัสดุรีไซเคิล และวัสดุที่หาได้ในพื้นที่ มาสรรสร้างเป็นบ้านพักสุดอบอุ่น พร้อมกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น จากการผสมผสานงานฝีมือ และงานศิลปะจากศิลปินในชุมชน

     ในด้านการใช้น้ำ ทาง Camp Glenorchy ได้มีการบริหารจัดการ และเฝ้าสังเกตปริมาณการใช้น้ำอยู่เสมอ โดยพวกเขามีการกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ มีการบำบัดน้ำเสียเพื่อนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ และมีการจัดการแหล่งน้ำใต้ดินอย่างระมัดระวัง เพื่อลดการใช้น้ำให้ได้มากที่สุด ส่วนในด้านพลังงาน พวกเขาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และได้ออกแบบระบบทำความร้อน ที่มีประสิทธิภาพสูง

    นอกจากนี้ พวกเขายังได้มอบรายได้ส่วนหนึ่งคืนสู่ชุมชนอีกด้วย โดย Camp Glenorchy เผยว่า เป้าหมายหลักของพวกเขาคือ การสร้างพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ช่วยเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ไม่ลดทอนความสะดวกสบายของผู้เข้าพัก

Passion in this story